ในปี2015 หัวหน้างานหลักของแคมเปญ 500 Startupsในประเทศญี่ปุ่น อย่าง เจมส์ รีนีย์ ได้เขียนข้อสังเกตว่าทำไมคนญี่ปุ่นถึงไม่ใช้ Linkedln และทำไมเครื่องมือนี้ไม่มีประโยชน์ใดๆเลยสำหรับการประกอบธุรกิจในประเทศญี่ปุ่น เค้าสังเกตว่า นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นใช้ Facebook และTwitter แทน
รีนีย์ สันนิฐานว่า Linkedln ไม่ได้รับความนิยม เนื่องจากเหตุผลแรก เมื่อนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นสร้างความสัมพันธ์กันในครั้งแรกนั้น พวกเขาสร้างโดยการพบปะกันแบบตัวต่อตัว และเหตุผลที่สองคือ การเปิดเผยประวัติของตนเองในที่สาธารณะนั้น คนญี่ปุ่นมองว่าคนเหล่านั้น ‘โอ้อวด’
เค้ากล่าวว่าแทนที่คนญี่ปุ่นจะใช้ Linkedln แต่กลับไปใช้Facebook ซึ่งออกแบบมาให้สามารถพิมพ์อะไรก็ได้ โอ้อวดอะไรลงไปก็ได้ ดังนั้น Facebookจึงเหมาะสมกับจิตใจของคนญี่ปุ่นมากกว่า
“คนญี่ปุ่นไม่ลงข้อความใดๆลงLinkedln เนื่องจากเจ้านายของพวกเขาอาจเห็นได้”
พวกเราเห็นด้วยอย่างยิ่งกับเหตุผลเหล่านี้ พวกเราเริ่มเล่นLinkedln เมื่อประมาณปี2006 และการขาดแคลนการสื่อสารกันในชุมชน เป็นสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน
ไม่เพียงแต่ไม่มีคนญี่ปุ่นที่มีลักษณะนิสัยแบบนี้ แต่ส่วนมาจะแสดงออกมาเป็นสากล ทำให้พวกเขาเป็นผู้เล่นที่มีประสิทธิภาพในชนกลุ่มน้อย พวกเราอาจขยายความตามที่รีนีย์กล่าวไว้ได้ ดังนี้
• ในความเป็นจริงแล้ว คนญี่ปุ่นมีความเป็นส่วนตัว ไม่ชอบให้ทุกอย่างเปิดเผยในที่สาธารณะ
นี่คือสังคมที่มีการแข่งขันระดับสูง และการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวต่อผู้อื่น อาจทำให้ตัวคุณถูกโจมตี หรือเป็นผลเสียต่อตัวคุณในภายหลังได้ ตัวอย่างเช่น ในสถานที่ที่คุณไปโรงเรียน อาชีพอิสระ หรือแม้กระทั่งการขาดประสบการณ์ทางด้านต่างประเทศของคุณด้วย
• มันเป็นโลกภายนอกที่วุ่นวาย และการแข่งขันในสังคม ก็เป็นผลมาจากการไม่เป็นที่ยอมรับทางสังคม
การมีชีวิตสั้น และนักธุรกิจส่วนใหญ่มีความสุขกับฐานลูกค้าที่พวกเค้ามีอยู่แล้ว มันเป็นจิตวิทยาเมื่อบริษัทใหม่คัดเลือกพนักงานเข้ามา ในขณะที่พวกเขาถูกบังคับให้ทำงานในระยะเวลา 3ปี ถึง 5ปี (โดยการใช้แรงงานอย่างหนัก) เริ่มจากการจี้ให้คุณเร่ขายสินค้า
• ถึงแม้เหตุผลหลักอาจเกิดจากที่คนญี่ปุ่นไม่เปิดเผยข้อมูลลงบนLinkedIn เพราะเจ้านายของพวกเค้าอาจจะเห็นได้
ความจริงแล้ว การเปิดเผยประวัติส่วนตัวบนโลกออนไลน์ จะสามารถทำให้คุณได้มองหางานใหม่ ถ้าคุณรู้ว่ามีความเป็นไปได้ต่ำมากที่เจ้านายของคุณจะเลื่อนขั้นให้คุณ
ความท้าทาย
ข้อสุดท้ายของการหาโอกาสในการทำงาน คือ ในความคิดเห็นของพวกเรา LinkedIn มีความท้าทายมากที่สุด
รูปแบบอื่นๆ เป็นการคัดเลือกบุคคลเข้าทำงานในขั้นต้น โดยใช้รูปแบบของการนำประวัติส่วนตัวเป็นหลักฐาน และผู้คัดเลือกที่แตกต่างกันหลายคน แต่ในประเทศญี่ปุ่น ไม่มีการสนับสนุนที่เพียงพอ เพื่อฝึกคัดเลือกบุคคลเข้ามาทำงาน ดังนั้นกระบวนการเหล่านี้ต้องล้มเลิกได้แล้ว
จากประสบการณ์ พวกเราพบว่าผลลัพธ์ของโฆษณาตำแหน่งว่างงานบนLinkedIn มีราคาแพง และเสียเวลาถ้าคุณต้องการคนญี่ปุ่น พื้นฐาน แต่สำคัญ ยกเว้นว่าถ้าคุณต้องการการศึกษาสองภาษา หลังจากนั้นคุณภาพของผู้สมัครจะค่อนข้างดี แต่จำนวนของผู้สมัครจะมีเพียงน้อยนิด
LinkedIn จำเป็นต้องคิดทบทวนอีกครั้งว่าจะทำอย่างไรให้ประวัติการทำงานถูกนำเสนอ และสอนให้คนญี่ปุ่นที่กำลังหางานอยู่เรียนรู้ในการใช้เว็บไซต์ดังกล่าวในทางที่ไม่ทำให้เจ้านายรู้สึกเหมือนโดนหักหลัง
ถ้าLinkedInสามารถทำสิ่งเหล่านั้นได้ จะไม่มีรูปแบบไหนที่เหลือให้บริษัทท้องถิ่น ดังนั้นพวกเขายังคงมีโอกาสที่จะสร้างธุรกิจที่เหมาะสมที่นี่
ปัญหาอีกอย่างสำหรับผู้ใช้ในวงการธุรกิจของญี่ปุ่น (และที่ไม่ใช่คนญี่ปุ่นที่นี่) นอกจากรายละเอียดที่หาแหล่งที่มาไม่ได้ คือเข้าใจว่าLinkedIn สามารถคุยกันได้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าตอนนี้ยังไม่มี ความจำเป็นนี้ ต้องค่อยๆพัฒนามารูปแบบการสื่อสารไปด้วย หลังจากนั้นก็เพิ่มบางอย่างที่เป็นแบบรูปธรรมมากขึ้น
การด้อยการศึกษาเป็นอีกสาเหตุหนึ่ง และLinkedIn จำเป็นต้องจัดการกับปัญหาบางอย่างที่บริษัทดูเหมือนจะไม่สนใจกับปัญหานี้เลย อย่างที่เห็นจากผลลัพธ์ คุณได้รับการคัดเลือกให้ไปเป็นพนักงานขายตรง ซึ่งต้องพยายามทำยอด โดยการรบเร้าให้มาเจอกัน และตกลงทำสัญญา ซึ่งไม่มีแม้แต่การสร้างความสัมพันธ์กันก่อนเลย
โดยเฉพาะผู้ทำงานด้านการจัดหาบุคคลมาทำงาน เข้าใจจุดที่เป็นรากฐาน ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเรา และคนอีกจำนวนมากที่เหมือนพวกเราปฏิเสธการติดต่อกับผู้จัดหางานพวกนี้ ไม่สามารถควบคุมได้
ความเคารพ
อีกส่วนหนึ่งของธรรมเนียมปฏิบัติ คือการให้เกียรติผู้อื่น โดยการคงส่วนของประวัติเอาไว้ และแจกจ่ายไปตามกลุ่มต่างๆ เพื่อรักษาชื่อเสียง และคัดเลือก ในฐานะของผู้เชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ไหนที่คุณต้องการ เพื่อที่จะสามารถเข้าถึงคุณได้
เพราะคนญี่ปุ่นจำนวนมากสร้างประวัติ LinkedIn ขึ้นมา แต่ไม่ได้ใช้มันอย่างจริงจัง พวกเขาเข้ามา เปิดเผยข้อความที่ไม่เป็นความจริง และทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ คนใช้ที่เหมือนพวกเราจำนวนมากจะปฏิเสธการติดต่อ เพราะว่าการขอดูประวัติของสมาชิกนั้น ดูเหมือนว่ามันถูกเขียนขึ้นโดยแก๊งค์ชาวไนจีเรีย
นอกจากนั้น มีประวัติจำนวนมากบนLinkedIn บางอย่างบริษัทเพิกเฉยกับเอกสารพวกนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าทางบริษัทรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่ที่พวกเค้ามีตัวเลือกเสริม ที่สามารถช่วยคุณรายงาน.คนที่เลียนแบบคุณได้โดยเฉพาะ
คุณสามารถพบเห็นพวกเขาได้อย่างง่ายดาย เพราะรูปของคนที่มีบุคลิกภาพที่ดี และมีกลุ่มคนที่มีหนังสือรับรอง แต่อ่านหนังสือไม่ออก
หรือพวกลาออกจากการเป็นทนายความ มาทำงานเป็นผู้จัดการธนาคารแทน (ต้องการให้เงินคุณ 10USดอลลาร์) โชคไม่ดีคนญี่ปุ่นทั้งหมดเชื่อคนง่าย คุณจะพบเห็นสมาชิกชาวญี่ปุ่นไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของพวกแก๊งมิจฉาชีพ บางทีพวกมันใช้ชื่อ และที่อยู่ของคนอื่นเพื่อทำการโกง
Linkedln ในประเทศญี่ปุ่นนั้นมีประโยชน์สำหรับหาพนักงานที่สามารถใช้ได้สองภาษา ตั้งแต่มีการแข่งขันอย่างดุเดือดในการหาสมาชิกยังคงเข้ามาตรวจดู และต้องการงานจริงๆ มันมีเทคนิคอีกหลายอย่างในการหางานผ่านช่องทางนี้
ตัวอย่างเช่น พวกเราจะไม่มุ่งหาคนที่กำลังหางาน เพราะคนเหล่านั้นไม่ได้รับการจ้างงานเพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง ดังนั้นเราชอบที่จะอยู่เฉยๆดีกว่า
แต่เราจะมุ่งเน้นไปที่บุคคลที่สามารถใช้ภาษาได้2ภาษา แล้วยังจบการศึกษาจากต่างประเทศ อีกทั้งหลังจากกลับมาประเทศญี่ปุ่น ก็เชื่อฟังแม่ของตนเอง จากนั้นหางานที่บริษัทมีชื่อเสียงทำ
ประมาณ 12-18เดือนหลังจากนี้ คนเหล่านี้จะเริ่มมีความคิดที่จะเปลี่ยนงาน เนื่องจากว่าพวกเขาเริ่มค้นพบความเคี่ยวของเจ้านายญี่ปุ่น (ชั่วโมงการทำงาน เจ้ายศเจ้าอย่าง กฎระเบียบ เงินเดือนต่ำ การคุมคามทางเพศ และอื่นๆ) ซึ่งแตกต่างไปจากที่พวกเขาได้เรียนรู้มาจากการเรียนที่ต่างประเทศ
ความถูกต้อง
เหตุผลข้อที่สองของ Linkedln ในประเทศญี่ปุ่นคือ มีประโยชน์กับการนำเสนอได้อย่างละเอียด น่าเชื่อถือ และเผยแพร่ประวัติที่ถูกต้องไปทั่วโลก
การทำธุรกิจกับบริษัทต่างประเทศในญี่ปุ่น พวกเรามักประหลาดใจทุกครั้งกับจำนวนของธุรกิจที่ทำการติดต่อ เป็นคู่ค้ากับบริษัทต่างประเทศ ซึ่งพัฒนาไปอย่างรวดเร็วด้วยการตรวจสอบข้อมูลจากLinkedlnนั่นเอง
มันอาจดูชัดเจน แต่Linkedln เป็นตัวแทนของนานาชาติที่คุณจำเป็นต้องมีการตัวตน สถานที่ตั้งของที่ทำงานจริง และสามารถเชื่อถือได้
ทำอย่างไรให้ประวัติของคุณเชื่อถือได้? คุณต้องใส่ประวัติการทำงาน ผลงานที่ผ่านมาของคุณลงไปด้วย (ดูได้จากLinkedlnของนายรีนีย์ ในหัวข้อ ‘หนังสือ’) และใส่ประวัติให้สมบูรณ์ ต้องมีการรับรองที่มาที่ไปของข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ และจดหมายแนะนำจากแหล่งที่เชื่อถือได้อีกเช่นเคย
Linkedln จำเป็นที่กลุ่มนักธุรกิจญี่ปุ่น จำเป็นต้องศึกษา เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์บริษัทของตนเอง และเพื่อรองรับการส่งออกอีกด้วย
อย่างที่3 และเป็นข้อดีข้อสุดท้าย แต่โชคไม่ดีที่Linkedln นั้นมีเนื้อหาเกี่ยวกับการโฆษณาจำนวนมาก จึงทำให้มีผู้ใช้ลดลงอย่างรวดเร็ว
กลุ่มคนที่นิยม ที่เป็นแหล่งข้อมูลชั้นดี ถ้าคุณสามารถใส่โฆษณาลงไปที่หัวข้อ ‘Business in Japan’ ซึ่งในปัจจุบันมีสมาชิกอยู่ในกลุ่มนี้ประมาณ 54,518คน อาจเรียกได้ว่าเป็นกลุ่มLinkedlnที่ใหญ่ที่สุดที่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารของประเทศญี่ปุ่น
เทอร์รี่ ลอยด์ ผู้ประกอบการที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ประกอบการด้านเทคโนโลยี และสื่อมาเป็นระยะเวลานาน กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เค้าเข้าไปโพสท์สิ่งต่างๆทุกสัปดาห์